Tag: การเตรียมสอบ

  • สิ่งที่ง่ายในการสอบ CFA Level 1

    การสอบ CFA Level 1 เป็นด่านแรกสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่หลายคนใฝ่ฝัน แม้ชื่อเสียงของการสอบนี้จะขึ้นชื่อว่า “ยาก” แต่ในความเป็นจริงกลับมีจุดที่ “ง่าย” ซ่อนอยู่ มาดูกันว่าอะไรที่ทำให้การสอบนี้อาจไม่ยากอย่างที่คิด!

    1.ข้อสอบปรนัย 3 ตัวเลือก ทำให้โอกาสเดาถูกสูงถึง 33%

    ข้อสอบ CFA Level 1 ทุกข้อมีตัวเลือกเพียง 3 ตัวเลือก ได้แก่ A, B, และ C ซึ่งต่างจากข้อสอบทั่วไปที่มักมี 4-5 ตัวเลือก ดังนั้นโอกาสเดาถูกมีถึง 33% ต่อข้อ และหากคุณสามารถตัดตัวเลือกที่ผิดได้ 1 ตัวเลือก โอกาสเดาถูกก็จะพุ่งขึ้นเป็น 50% เลยทีเดียว

    2.คนสายการเงิน เศรษฐศาสตร์ หรือบัญชี มีแต้มต่อ

    หากคุณเรียนจบหรือกำลังเรียนในสาย การเงิน เศรษฐศาสตร์ บัญชี หรือสถิติ คุณจะพบว่าหลายส่วนของเนื้อหาใน CFA Level 1 คือสิ่งที่คุณเคยเจอมาแล้วในมหาวิทยาลัย ทำให้คุณสามารถเรียนรู้และทบทวนเนื้อหาได้ง่าย

    3.เนื้อหาเป็นเรื่องการเงินพื้นฐาน เข้าใจง่าย

    เนื้อหาใน CFA Level 1 เน้นหลักทางการเงินขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นความรู้ที่ตรงไปตรงมาและไม่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ที่ซับซ้อนจนเกินไปครับ

    4.ข้อสอบตรงไปตรงมา ไม่ดักคำถาม

    ลักษณะของข้อสอบ CFA Level 1 เป็นการสอบที่วัดความเข้าใจในเนื้อหาแบบตรงไปตรงมา ไม่เน้นดักคำถาม หรือไม่เน้นการตีความที่ซับซ้อน ดังนั้น หากคุณเข้าใจหลักการอย่างแม่นยำ คุณก็มีโอกาสทำข้อสอบได้ผ่านครับ

    5.มีโอกาสสอบได้ถึง 6 รอบต่อปี

    คุณสามารถสอบ CFA Level 1 ได้ 6 รอบ ถ้าสอบไม่ผ่าน ก็สามารถสมัครสอบใหม่เพื่อแก้ตัวได้ในรอบถัด ๆ ไปได้

    อย่าประมาทเพราะอัตราสอบผ่านไม่ถึงครึ่ง!

    ถึงแม้จะมีจุดที่ง่าย แต่ก็ต้องระวัง! ข้อมูลล่าสุดระบุว่า อัตราการสอบผ่านทั่วโลกใน 4 ครั้งที่ผ่านมาอยู่ที่เพียง 35-46% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่ามีผู้สอบเกินครึ่งที่ไม่สามารถผ่านไปสู่ CFA Level 2 ได้ ดังนั้นไม่ควรประมาทนะครับ! “สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” แบบนี้ไม่เอานะครับ

    สรุป
    การสอบ CFA Level 1 อาจมีจุดที่ง่าย ที่สามารถทำให้ผู้สอบเพิ่มความมั่นใจในการสอบได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าการเตรียมตัวสอบให้พร้อมและการเข้าใจเนื้อหาอย่างลึกซึ้งยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการสอบ CFA นะครับ

  • ค่าใช้จ่ายสอบ CFA อัปเดตล่าสุด 2025 พร้อมทริคประหยัด

    หากคุณกำลังวางแผนสอบ CFA (Chartered Financial Analyst) แต่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย นี่คือ คู่มือการคำนวณค่าสอบ CFA และ เทคนิคประหยัดงบ ที่ช่วยให้คุณสอบผ่านในราคาที่ถูกที่สุด!


    ค่าใช้จ่ายในการสอบ CFA

    1. ค่าแรกเข้า (Enrollment Fee)

    • ค่าแรกเข้าจะจ่ายเพียงครั้งเดียวในตอนสมัครสอบ Level 1: USD 350 (~12,000 บาท)

    2. ค่าสอบแต่ละระดับ (Exam Registration Fees)

    CFA มี 3 ระดับ (Level 1, 2, และ 3) โดยมีราคาลงทะเบียน 2 แบบ:

    • Early Bird (สมัครเร็ว ราคาถูก):
      • Level 1: USD 990 (~34,000 บาท)
      • Level 2: USD 990 (~34,000 บาท)
      • Level 3: USD 1,090 (~38,000 บาท)
    • Standard (สมัครช้า):
      • เพิ่มขึ้น USD 300 ต่อระดับ (~10,500 บาท)

    3. ค่าเครื่องคิดเลข (Calculator)

    เครื่องคิดเลขที่อนุญาต: Texas Instruments BA II Plus ~1,400 บาท (รวมถึง BA II Plus Professional) หรือ Hewlett Packard 12C (รวมถึง the HP 12C Platinum, 12C Platinum 25th anniversary edition, 12C 30th anniversary edition, and HP 12C Prestige)

    • ซื้อใหม่: เสียตัง
    • ยืมเพื่อน: ฟรี

    4. ค่าหนังสือเรียน (Study Materials)

    • E-Book (ฟรี): รวมอยู่ในค่าสอบ
    • หนังสือเล่ม (Physical Books) ของ CFA: USD 250+ (~8,500 บาท) ต่อระดับ
    • 3rd Party Materials: เช่น Kaplan Schweser (~24,000-50,000 บาท) ต่อระดับ

    5. ค่าสอบซ้ำ (Re-registration)

    • หากสอบไม่ผ่าน ต้องจ่ายค่าสอบใหม่ในราคา Standard

    6. ค่าเดินทางและที่พัก

    • หากสถานที่สอบอยู่ไกลจากที่อาศัย เพิ่มค่าเดินทางและที่พักเข้าไป

    วิธีลดค่าใช้จ่ายการสอบ CFA

    1. สมัคร Early Bird ทุกครั้ง
      • ลดค่าสอบได้ถึง ~USD 300 ต่อระดับ (~10,500 บาท)
    2. ยืมเครื่องคิดเลข
      • ประหยัดได้ ~1,400 บาท
    3. ใช้ตำรา CFA แบบ E-Book
      • ไม่ซื้อตำราที่เป็นเล่มเพิ่ม
    4. เลือกใช้คอร์สติว
      • ทำให้เราสอบผ่าน และไม่ต้องเสียค่าสมัครสอบซ้ำ
    5. ขอทุนสอบหรือทุนสนับสนุนจากบริษัท
      • สถาบัน มหาวิทยาลัย และหลายบริษัทมีงบสนับสนุนค่าสอบ CFA ให้ฟรี
    6. สมัครช่วงบาทแข็ง
      • ค่าสอบจะถูกลงหากสมัครตอนบาทแข็งเทียบดอลลาร์

    ค่าใช้จ่ายรวมสอบ CFA ถ้าออกค่าสอบเองทั้งหมด

    รายการค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (บาท)
    ค่าแรกเข้า12,000
    ค่าสอบ Level 1 Early Bird34,000
    ค่าสอบ Level 2 Early Bird34,000
    ค่าสอบ Level 3 Early Bird38,000
    เครื่องคิดเลขซื้อเอง1,400

    รวมทั้งหมด: ~120,000 บาท

    จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายก็คือค่าสมัครสอบ ดังนั้นหากได้รับทุนและถ้าสอบผ่านทุกรอบ ค่าใช้จ่ายแทบจะไม่มีเลย!


    ทริคสำคัญสำหรับสอบ CFA แบบคุ้มค่าที่สุด

    • สมัคร Early Bird ทุกครั้ง
    • สอบให้ผ่าน
    • หาทุน
    • ชำระค่าสอบตอนบาทแข็ง/เก็งกำไร USD

    สรุป

    เราสามารถลดค่าใช้จ่ายในการสอบ CFA ได้มาก หากมีการวางแผนที่ดี และการเตรียมตัวให้สอบผ่านในครั้งเดียวจะช่วยลดต้นทุนซ้ำซ้อนจากการสอบใหม่ได้ดีที่สุด แม้การลงทุนใน CFA จะมีค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่จะได้ตอบแทนก็คือการเปิดโอกาสในสายอาชีพและความเชี่ยวชาญด้านการเงินที่เพิ่มขึ้นในอนาคต!

    120,000 บาท ถ้าต้องออกเอง คิดว่าเยอะหรือน้อย คอมเมนต์กันหน่อยครับ!

  • รวมพิกัดสายมูสำหรับผู้สอบ CFA

    “ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน” แต่สายมูอย่างเรารู้ดีว่า ถ้าเสริมดวงให้ปังด้วยตัวช่วยศักดิ์สิทธิ์ โอกาสสำเร็จก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ใช่ไหมครับ ห้าห้าห้า! วันนี้พี่ ๆ จาก IYKYK Institute ขอรวมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้เตรียมสอบ CFA มาฝาก นอกจากเตรียมตัวสอบที่หนักแล้ว การเติมพลังใจและความมั่นใจก็สำคัญนะครับ!

    1. หลวงพ่อโสธร (วัดโสธรวรารามวรวิหาร, ฉะเชิงเทรา)

    พระคู่บ้านคู่เมืองแห่งฉะเชิงเทรา เชื่อกันว่าขอพรกับหลวงพ่อโสธรแล้วจะสมหวังในเรื่องสำคัญ เช่น การสอบ CFA หรือการงาน! หากใครอยู่กรุงเทพฯ ก็เดินทางสะดวกเพียง 1 ชั่วโมง

    เคล็ดลับสายมู: ถวายไข่ต้มและดอกไม้เป็นการเสริมบุญ


    2. วัดไอ้ไข่ (วัดเจดีย์, นครศรีธรรมราช)

    สาย CFA ที่มองหาโชคลาภและความสำเร็จไม่ควรพลาด! หลายคนเชื่อว่า “ไอ้ไข่” ศักดิ์สิทธิ์มาก โดยเฉพาะการขอเรื่องงาน การเงิน และการสอบ

    เคล็ดลับสายมู: บนด้วยของเล่นหรือดอกไม้ไฟ แล้วอย่าลืมมาแก้บนเมื่อสมหวังนะ!


    3. วัดพระธาตุดอยคำ (หลวงพ่อทันใจ, เชียงใหม่)

    หลวงพ่อทันใจที่วัดพระธาตุดอยคำมีชื่อเสียงในเรื่องสมหวังรวดเร็ว! ใครตั้งใจสอบ CFA แล้วอยากเพิ่มพลังใจ ลองไปไหว้ขอพรพร้อมถวายพวงมาลัยดอกมะลิ

    เคล็ดลับสายมู: ขอพรเรื่องการเรียน การสอบ พร้อมตั้งจิตมั่นคง


    4. ถ้ำนาคา (บึงกาฬ)

    ถ้ำนาคาเป็นสถานที่ที่มีความเชื่อเรื่องพญานาคและพลังศักดิ์สิทธิ์ ช่วยเสริมดวงด้านปัญญาและความสำเร็จ ผู้สอบ CFA ที่ต้องการสมาธิและปัญญาเฉียบคมควรไปกราบไหว้

    เคล็ดลับสายมู: เตรียมใจและสมาธิให้สงบก่อนเดินทาง


    5. ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ

    แหล่งพลังแห่งความมั่นคงและความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะสอบ CFA ระดับไหน การไปสักการะศาลหลักเมืองจะช่วยเสริมพลังใจให้พร้อมลุยกับข้อสอบ

    เคล็ดลับสายมู: ขอพรด้วยธูป 3 ดอกและดอกดาวเรือง


    6. วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก, กรุงเทพฯ)

    วัดแขกเป็นที่พึ่งของสายมูที่ต้องการขอพรเรื่องการเรียนและการสอบ เชื่อกันว่าเทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์จะช่วยเสริมปัญญา

    เคล็ดลับสายมู: ถวายมะพร้าว นม หรือผลไม้


    7. ศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า, กรุงเทพฯ)

    ถ้าต้องการความกล้าหาญและความมั่นใจในวันสอบ ศาลเจ้าพ่อเสือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่แนะนำ เชื่อว่าพลังของเจ้าพ่อเสือจะช่วยสร้างความสำเร็จ

    เคล็ดลับสายมู: ถวายหมูสามชั้นหรือไข่ต้ม


    ความสำเร็จเริ่มที่ตัวเรา แต่พลังใจคือสิ่งที่ช่วยเสริม!

    หลังจากมูให้ปังแล้ว อย่าลืมเตรียมตัวสอบให้พร้อม เพราะความสำเร็จไม่ได้มาแค่จากโชค แต่ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง

    ว่าแต่…มีใครแนะนำที่ไหนอีกบ้าง?
    คอมเมนต์ใต้โพสต์นี้เลยครับ แชร์พิกัดสายมูเพิ่มกันหน่อย ถือเป็นการเสริมสร้างบุญจากการช่วยเหลือพี่ ๆ และเพื่อน ๆ นะครับ!

    #สายมูCFA #เคล็ดลับสอบผ่านCFA #รวมที่ไหว้ขอพรสอบCFA #CFAExamTips #ที่ไหว้ขอพรสอบ #สอบCFAยังไงให้ผ่าน #วัดดังสายมู #สอบCFA #เคล็ดลับสอบผ่าน #ไหว้พระขอพรก่อนสอบ #เตรียมตัวสอบCFA #สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ #มูเตลูสอบCFA #CFAReview #ติวCFA #CFAStudyGuide #CFAExamPreparation

  • สอบ CFA ยากไหม? สิ่งที่ยากที่สุดของการสอบ CFA คืออะไร?

    การสอบ CFA (Chartered Financial Analyst) เป็นหนึ่งในการสอบที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับทั่วโลกในวงการการเงิน ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจว่าข้อสอบมีความยากแสนยาก แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้วพบว่าไม่ใช่เลย สิ่งที่ยากที่สุดของการสอบ CFA ไม่ใช่ความยากหรือความซับซ้อนของเนื้อหา แต่กลับเป็นเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

    1. เนื้อหาที่เยอะ

    การสอบ CFA มีเนื้อหาที่มากมาย เช่น CFA Level 1 ที่มีเนื้อหามากถึง 93 บท ซึ่งทั้งหมดอยู่ในหนังสือขนาด A4 ประมาณเกือบ 4,000 หน้า ทำให้ผู้สอบต้องใช้เวลาในการทบทวนและศึกษามาก นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงในเนื้อหาที่ต้องอัปเดตตามสถานการณ์ใหม่ ๆ เช่น การเพิ่มเนื้อหาของคริปโทเคอร์เรนซี บิ๊กเดต้า ฯลฯ

    2. เนื้อหาบางส่วนมีข้อผิดพลาด

    แม้ว่า CFA Institute จะพยายามดูแลคุณภาพของเนื้อหา แต่บางครั้งอาจพบว่ามีการเขียนผิดทำให้ผู้สอบสับสน ซึ่งทำให้ผู้สอบเข้าใจผิดหรือเสียเวลาในการทำเข้าความใจได้

    3. กระบวนการเตรียมตัวกินเวลานานจนทำเอาท้อซะก่อน

    การเตรียมตัวสอบ CFA ต้องใช้เวลานานมาก โดยเฉลี่ยแล้วผู้สอบจะต้องเตรียมตัวประมาณ 300 ชั่วโมง ในบางกรณีผู้สอบเผื่อเวลาเป็นปี ซึ่งการใช้เวลาเตรียมตัวในระยะเวลานานอาจทำให้เกิดความรู้สึกท้อถอยได้

    4. การเตรียมตัวสอบกระทบชีวิตด้านอื่น

    การที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น คนรอบข้างไม่เข้าใจว่าผู้สอบต้องใช้เวลาในการศึกษา ซึ่งผลสุดท้ายคือผู้สอบต้องตัดสินใจยกเลิกการสอบ

    5. การอัปเดตเนื้อหามีอยู่เรื่อย ๆ

    CFA Institute มีการอัปเดตเนื้อหาบางส่วนในแต่ละปี ซึ่งทำให้ผู้สอบต้องปรับตัวและทำความเข้าใจเนื้อหาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้าคุณสอบไม่ผ่านในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา คุณจะต้องใช้เวลาศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจในเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงไป

    6. การเตรียมตัวสอบคนเดียว

    มีคนจำนวนไม่มากที่ตัดสินใจสอบ CFA ส่งผลให้ผู้สอบไม่มีเพื่อนร่วมเตรียมตัวสอบ ซึ่งถือเป็นอุปสรรคอันสำคัญ เพราะไม่มีคนร่วมทุกข์และคอยช่วยเหลือคอยเป็นกำลังใจให้กันและกัน ไม่มีคนที่ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ต้องเผชิญกับความทรมานเหล่านี้เพียงลำพัง

    7. การใช้ภาษาอังกฤษ

    การสอบ CFA ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้สอบที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา การทำความเข้าใจคำถามและเนื้อหาในภาษาอังกฤษต้องการทักษะการอ่านและการวิเคราะห์ที่ดี

    8. ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวการสอบ CFA ในประเทศไทยมีจำกัด

    ในประเทศไทยยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบ CFA จำกัด ทำให้ผู้สอบในประเทศต้องเผชิญกับความยากลำบากในการหาข้อมูลที่จำเป็น เช่น คำแนะนำในการเตรียมตัวสอบ หรือการเข้าถึงการติดต่อกับ CFA Institute

    9. การสอบในช่วงที่คุณพอมีฐานะแล้ว

    บางครั้งผู้สอบ CFA อาจอยู่ในช่วงที่มีความมั่นคงในชีวิต เช่น มีงานหรือมีฐานะที่พออยู่ได้แล้ว ทำให้การสอบ CFA อาจดูเหมือนเป็นภาระที่ไม่จำเป็น และอาจทำให้ผู้สอบเกิดความลังเลหรือยกเลิกความพยายามได้

    10. การสอบควบคู่กับการทำงานหรือการเรียน

    การสอบ CFA มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับการทำงานประจำหรือการเรียน ซึ่งทำให้ผู้สอบต้องจัดสรรเวลาให้ดี แต่แน่นอนว่าปัจจัยหรือสถานการณ์บางอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งถ้าหากส่งผลกระทบให้ไม่สามารถจัดการเวลาได้เป็นอย่างดี อาจส่งผลให้เกิดความกังวัล ความเครียด และทำให้การสอบผ่านเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น

    หวังว่าหลังจากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังไม่ท้อไปซะก่อนนะครับ! ถ้าเมื่อใดที่คุณรู้สึกท้อ ขอแค่ไปตั้งกระทะเปิดไฟ แล้วหยดน้ำลงไป มันจะดังว่าซู่ซู่!

    พี่เป้ง IYKYK Institute

  • 7 ขั้นตอน สอบผ่าน CFA ด้วยหลักการ Reverse Engineering: เริ่มถูกวิธี มีชัยไปกว่าครึ่ง!

    เคล็ดลับวิธีที่จะมาแนะนำวันนี้คือการใช้ หลัก Reverse Engineering เพื่อเพิ่มโอกาสสอบผ่าน CFA Level 1, CFA Level 2, CFA Level 3 ในรอบเดียว เพราะการเริ่มถูกวิธี จะทำให้มีชัยไปกว่าครึ่ง!

    ด๊อบบี้รอช่วยอยู่ตรงนี้เสมอ!

    1. รู้เป้าหมายก่อนลุย จุดเริ่มต้นของหลักการ Reverse Engineering

    •เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจ Learning Outcome Statement (LOS) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการเรียนรู้ในแต่ละหัวข้อที่ CFA จะทดสอบ

    •ลองทำข้อสอบท้ายบทเพื่อดูว่าคำถามแบบไหนที่จะถูกถามจากเนื้อหานั้น การทำแบบนี้จะทำให้เรารู้ว่าต้องหาคำตอบแบบไหนมาตอบคำถาม

    วิธีนี้จะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาจากมุมมองที่ถูกต้องและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น

    2. เข้าใจภาพใหญ่ก่อน… แล้วค่อยลงลึกในรายละเอียด

    •ก่อนที่เราจะลงลึกในเนื้อหาของแต่ละบท ควรเริ่มจากการอ่าน สรุปท้ายบท เพื่อให้เข้าใจ ภาพใหญ่ ของบทเรียนทั้งหมด

    •การอ่านสรุปท้ายบทจะช่วยให้เราเห็นโครงสร้างของเนื้อหาทั้งหมด ทำให้เข้าใจว่าหัวข้อแต่ละเรื่องเชื่อมโยงกันอย่างไร และสามารถเก็บข้อมูลสำคัญได้ครบถ้วน

    3. ค่อย ๆ ใช้เวลาทำความเข้าใจ พร้อมจดสรุปด้วยภาษาของตัวเอง

    •ในขั้นตอนนี้ให้เราทำความเข้าใจเนื้อหาทุกบทอย่างละเอียดโดยไม่ต้องรีบ เริ่มจากเนื้อหาที่ยากไปง่าย หรือจะสลับไปสลับมาก็ได้ เพื่อให้มีกำลังใจ

    •จดสรุปเป็นภาษาของตัวเอง เพราะการเขียนสรุปจะช่วยให้เราจดจำได้ง่ายขึ้นและช่วยย่นเวลาการทำความเข้าใจ

    4. ทำกล่องตัวอย่างใน CFA Curriculum ให้ครบ

    •ทำกล่องตัวอย่างใน CFA Curriculum ให้ครบทุกตัวอย่างในแต่ละบท เพราะตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจที่มาที่ไปของกระบวนการคิดในแต่ละหัวข้อ

    5. ทำข้อสอบ ทำข้อสอบ และทำข้อสอบ เพื่อเป็นการเทสระบบของหลักการ Reverse Engineering

    •การทำข้อสอบ เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัวสอบ CFA เพราะจะเป็นการวัดไปเลยว่าเราเข้าใจในเนื้อหาจริงหรือไม่ และเราไม่ได้อ่านวนอยู่ในอ่าง รวมทั้งจับเวลาทำข้อสอบ Mock Exam เพื่อจำลองสถานการณ์การสอบจริงด้วย

    •เขียน 3 รอบ เพราะอยากให้ทำอย่างน้อย 3 รอบ โดยเว้นระยะเวลาให้ลืมก่อนกลับมาทำใหม่ เทคนิคนี้จะช่วยให้เราจดจำเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น

    ข้อสอบทั้งหมดที่ควรทำประกอบไปด้วย

    -1.กล่องตัวอย่าง จาก CFA Curriculum

    -2.ข้อสอบท้ายบท จาก CFA Curriculum หรือ ข้อสอบที่มีใน Ecosystem (มีเพิ่มเติมจาก ข้อสอบท้ายบท จาก CFA Curriculum เล็กน้อย)

    -3.Mock Exam ที่ได้รับจาก Ecosystem และจากการสมัครสอบเพิ่มเติมกับสมาคม CFA

    อย่าทำข้อสอบไปเรื่อย ๆ โดยไม่วัดผล เป้าหมายของการทำข้อสอบคือต้องให้ได้คะแนน 70% ขึ้นไปในแต่ละบทและทั้งหมดรวมกัน

    6. กำจัดจุดอ่อน

    •จุดอ่อนคือเนื้อหาหรือหัวข้อที่คะแนนต่ำกว่า 70% ซึ่งต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

    •ทำความเข้าใจว่าทำไมถึงผิด และจดบันทึกเพื่อกลับมาทบทวนซ้ำ ๆ ถ้าสุดท้ายไม่เข้าใจจริง ๆ ก็จำไปเลย

    7. ทำกระบวนการ Reverse Engineering เหล่านี้วนไป

    •วางแผนการให้แน่ชัด คอยปรับแผนเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน เผื่อเวลาไว้มาก ๆ

    •การใช้เวลาทบทวนเนื้อหาหลัง ๆ จะน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงแรก ๆ เพราะเราจะเข้าใจเนื้อหามากขึ้นทุกครั้งที่ทำซ้ำ

    บทส่งท้าย

    ถ้าเราใช้หลักการ Reverse Engineering โดยทำตามทั้ง 7 ขั้นตอนนี้ เชื่อว่ามีโอกาสสอบผ่าน CFA ในรอบเดียวเกิน 50% เหมือนชื่อบทความที่ตั้ง ขอให้ทุกคนรายล้อมไปด้วยด้วยอิทธิบาท 4

    IYKYK Institute